วันอาทิตย์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2555

แบบฝึกหัดบทที่ 4
1.คีย์บอร์ดแบบเออร์โกโนมิกส์ ช่วยลดปัญหาในการทำงานกับคอมพิวเตอร์ได้อย่างไร จงยกตัวอย่างประกอบ
ตอบ. คีย์บอร์ดลักษณะดังกล่าว ถูกออกแบบมาเพื่อลดปัญหาเกี่ยวกับอาการเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อมือที่
สัมผัสกับคีย์บอร์ดอยู่ตลอดเวลา โดยมีแป้นรองรับการพิมพ์สัมผัสที่ง่ายและเบา มีแท่นวางมือและ
ออกแบบให้สัมพันธ์กับสรีระของแขนและมือให้ทำงานสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

2.ออปติคอลเมาส์มีหลักการทำงานแตกต่างจากเมาส์แบบทั่วไปอย่างไร
ตอบ. เมส์แบบแสงหรือออปติคอลเมาส์จะทำงานได้โดยไม่ต้องใช้ล้อหมุนเหมือนกับเมาส์แบบทั่วไปแต่จะ
ใช้แสงส่องไปกระทบพื้นผิวด้านล่าง และมีวงจรภายในทำหน้าที่วิเคราะห์แสงสะท้อนที่เปลี่ยนไป
เมื่อมีการเลื่อนเมาส์ จากนั้นจะแปลงทิศทางเป็นการชี้ตำแหน่งในที่าุด ซึ่งปัจจุบันมีทั้งแบบต่อสาย
และแบบไร้สาย

3.OMR คืออะไร จงอธิบายพร้อมทั้งยกตัวอย่างประกอบของลักษณะงานที่นำไปใช้
ตอบ. เครื่องมือที่ใช้สำหรับอ่านหรือตรวจสอบคะแนนจากกระดาษคำตอบชนิดพิเศษ มีชื่อเต็มว่า "Optical
Mark Reader" มักนำไปใช้กับการตรวจข้อสอบของบุคคลจำนวนมาก เข่น การสอบเอ็นทรานซ์
การสอบวัดระดับความรู็้ต่าง ๆ โดยจะทำการอ่านเครื่องหมายที่ผู้เข้าสอบได้ทำการระบายไว้ในกระ
ดาษคำตอบที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ

4.อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ถือว่าเป็น หัวใจหลักของเครื่องพีซีทุกเครื่อง คืออุปกรณ์ใด เหตุใดจึงเรียกเช่นนั้น
ตอบ. เมนบอร์ด คืออุปกรณ์ที่เป็นเสมือนหัวใจหลักของเครื่องพีชี เนื่องจากเป็นแผงควบคุมวงจรการเชื่อม
ต่ออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของคอมพิวเตอร์เกือบทั้งหมด จะขาดไปเสีียไม่ได้ ความ -
สามารถของเครื่องว่าจะใช้ซีพียูอะไรได้บ้าง มีประสิทธิภาพเพียงใด สามารถรองรับกับอุปกรณ์
ใหม่ ๆ ได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับเมนบอร์ดที่เลือกใช้ทั้งสิ้น

5.หน่วยเก็บข้อมูลสำรองแบ่งได้เป็นกี่ประเภท อะไรบ้าง จงยกตัวอย่างมาประเภทละ 2 รายการ
ตอบ. สามารถแบ่งออกได้เป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 4 ประเภท ดังนี้
1. แบบจานแม่เหล็ก
เป็นอุปกรณ์สำรองข้อมูลที่เป็นลักษณะของจานแม่เหล็กสำหรับบันทึกข้อมูลไว้ภายใน [ disk ]
ได้รับความนิยมและใช้งานมานานพอสมควร เช่น ฟล็อปปีดีิสก์และฮาร์ดดิสก์
2. แบบแสง
เป็นสื่อเก็บข้อมูลสำรองที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน โดยใช้หลักการทำงานของแสง การจัด
การข้อมูลจะคล้ายกับแผ่นจานแม่เหล็ก ต่างกันที่การแบ่งจะเป็นรูปก้นหอยและเริ่มเก็บบันทึก
ข้อมูลจากส่วนด้านในออกมาด้านนอก ที่เป็นที่นิยมและรู้จักกันดี เช่น CD , DVD
3. แบบเทป
เป็นสื่อเก็บข้อมูลที่สามารถเก็บข้อมูลได้เป็นจำนวนมากและเข้าถึงข้อมูลแบบเรียงลำดับต่อเนื่อง
กันไป มีการผลิตขึ้นมาหลากหลายขนาดแตกต่างกันไป เช่น DAT และ QIC เป็นต้น
4. แบบอื่น ๆ
เป็นสื่อเก็บข้อมูลแบบใหม่ที่พบได้ทั่วไปในปัจจุบัน มีชื่อเรียกแตกต่างกันไป เช่น Flash Drive
Thumb Drive , Handy Drive เป็นต้น อีกชนิดคือ Memory Card เพื่อใช้เก็บข้อมูลในกล้องดิจิ-
ตอลแบบพกพา

6.แทรคและเซกเตอร์ในสื่อเก็บข้อมูลจานแม่เหล็กคืออะไร
ตอบ. พื้นที่เก็บข้อมูลบนแผ่นจานแม่เหล็ก โดยที่แทรคจะเป็นลักษณะของพื่นที่แนววงกลมรอบ ๆแผ่น
จาน จะมีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับชนิดและประเภทของจานแม่เหล็กนั้นด้วย ซึ่งแผ่นแต่ล่ะแผ่นจะมี
ความหนาแน่นของสารแม่เหล็กแตกต่างกันทำให้ปริมาณความจุจึงแตกต่างกันด้วย ส่วนเซกเตอร์
นั้น เป็นส่วนของแทรคที่แบ่งย่อยออกมาเป็นส่วน ๆ หากเปรียบเทียบแผ่นจานเเม่เหล็กเป็นคอนโด
มิเนียมหลังหนึ่ง แล้วเซกเตอร์ก็เปรียบเหมือนกับห้องพักที่แบ่งให้คนอยู่เป็นห้องๆ นั้่นเอง

7.แผ่นดิสก์เก็ตต์แผ่นหนึ่งเก็บข้อมูลได้ 2 ด้าน แต่ละด้านมี 80 แทรค แต่ละแทรคแบ่งได้ 9 เซกเตอร์ และแต่ละเซกเตอร์สามารถเก็บข้อมูลได้มากถึง 512 ไบต์ จงคำนวณหาความจุของแผ่นนี้
ตอบ. ความจุของแผ่นดิสก์เก็ตแผ่นนี้ สามารถคำนวณหาได้ดังนี้
ความจุของแผ่นดิสก์เก็ต = 2 X 80 X 9 X 512 bytes
= 737,280 bytes
= 720 KiB (737,280/1024)
หรือ = 737.28 KB (737,280/1000)

8. ดิสเก็ตต์และฮาร์ดดิสก์ มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง จงอธิบาย
ตอบ. ดิสเก็ตต์จะมีราคาถูกกว่ามาก แต่จะเก็บได้ไม่มากเท่ากับฮาร์ดดิสก์เพราะมีพื้นที่จานเก็บข้อมูล-
ขนาดใหญ่กว่า ซึ่งประกอบด้วยจานหลายแผ่น ทำให้จำนวนแทรคและเซกเตอร์จึงมีมากตามไปด้วย
สำหรับการอ่านข้อมูลนั้น หัวอ่านดิสเก็ตต์จะสัมผัสแผ่นจานทุกครั้งที่อ่าน แต่ฮาร์ดดิสหัวอ่านจะลอย
อยู่หนือแผ่นจาน ไม่มีการสัมผัสตัวแผ่นจานแต่อย่างใด
9.สื่อเก็บข้อมูลประเภท CD และ DVD มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
ตอบ. สื่อเก็บข้อมูลแบบ CD จะเหมาะกับการเก็บข้อมูลทั่วไป เช่น ข้อมูลไฟล์การทำงาน ข้อมูลโปรแกรม
เพื่อใช้งาน ส่วนแบบ DVD จะมีคุณสมบัติที่ดีกว่าคือ เก็บข้อมูลได้เยอะมากยิ่งขึ้น จุได้ 17 GB จึง
เหมาะสมกับการเก็บข้อมูลกับการเก็บข้อมูลงานทางด้่าน มัลติมิเดีย เพื่อให้เกิดความสมจริงของ
ภาพและเสียงมากที่สุด
10. Point of Sale คืออะไร
ตอบ โปรแกรมขายหน้าร้าน หรือที่นิยมเรียกสั้น    ว่า P.O.S คืออะไร ? แล้วทำไมเราจึงต้องใช้ โปรแกรมขายหน้าร้าน หรือ เจ้า P.O.S
เหตุผลที่เราควรใช้ โปรแกรมขายหน้าร้าน
ไม่ต้องนั่งลงบัญชีการขายเอง โปรแกรมขายหน้าร้านจัดการให้
·        ไม่ต้องมานั่งปวดหัวกับการคิดกำไรขาดทุน "โปรแกรมขายหน้าร้านจัดการ"ให้
·         ลดขั้นตอนความผิดพลาดที่จะเกิดจากคน ซึ่งเป็นผู้ลงบัญชีและลงรายการขาย
·         สามารถคำนวนราคาสินค้าและยอดรวมได้รวดเร็ว
·                 โปรแกรมขายหน้าร้านสามารถจัดการ รายการ รับ-จ่าย ประจำวันได้
·         ทำให้ทราบว่าในแต่ละวันขายอะไรไปบ้าง สินค้าไหนขายดีที่สุด
·                โปรแกรมขายหน้าร้านสามารถช่วยประเมินผลประกอบการได้ เป็นรายเดือน หรือ ปี หรือ มากกว่านั้น
·         ยังมีอีกหลายเหตุผลที่ควรใช้โปรแกรมขายหน้าร้าน ที่แล้วแต่คุณจะให้เป็น
      จากข้อดีของ โปรแกรมขายหน้าร้าน ที่กล่าวไว้ ไม่จำเป็นว่าทุกร้านค้า จำเป็นจะต้องใช้นะครับ เพราะถ้าหากร้านค้าของเรามีสินค้าจำนวนไม่เยอะมาก
และยอดขายยังไม่ดีพอ ก็ยังไม่น่าลงทุน แต่ถ้าหากมีเงินสำหรับซื้อโปรแกรมขายหน้าร้าน ผมก็แนะนำให้ใช้นะครับ เพราะเราจะได้จัดการงบประมาณ
ของเราได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น 
หรือในปัจจุบันก็มีโปรแกรมเมอร์ใจดีหลาย ๆ ท่านพัฒนาโปรแกรมออกมาให้ใช้กันฟรี ๆ แล้วนะครับ ลองหาดูนะครับ สำหรับโปรแกรมขายหน้าร้าน
11.งานเกี่ยวกับการออกใบเสร็จรับเงิน การออกใบกำกับภาษีที่ต้องมีสำเนาหลายใบ ควรใช้เครื่องพิมพ์แบบใดเครื่องดังกล่าวมีหลักการทำงานอย่างไรบ้าง
ตอบ ระบบการพิมพ์ซิลค์สกรีน
การพิมพ์ในระบบเลตเตอร์เพรส เป็นการพิมพ์ที่แม่พิมพ์มีการสัมผัสกับกระดาษ หรือวัสดุที่ใช้พิมพ์โดยตรง การถ่ายทอดหมึกจากแม่พิมพ์ลงบนกระดาษเกิดขึ้นได้โดยการใช้แรงกดให้สัมผัสกัน ฉะนั้นสิ่งพิมพ์ที่พิมพ์โดยระบบ เลตเตอร์เพรสจะมีสิ่งที่สังเกตเห็นได้ชัดเจน 3 ประการ คือ
มักจะมีรอยดุนนูนด้านหลัง ที่เกิดจากตัวพิมพ์กดลงไปบนกระดาษ
เมื่อใช้กล้องส่องดูตัวพิมพ์จะมีขอบไม่เรียบเพราะหมึกที่จับที่ตัวพิมพ์ถูกกดโดยแรง จึงกระจายออกด้านข้าง
ตัวพิมพ์บางตัวเป็นเส้นขาดไม่ต่อเนื่อง เช่น คำว่า เป็น ฟัน
ในกรณีของการพิมพ์ภาพสกรีน ก็จะไม่สามารถพิมพ์ให้มีรายละเอียดของภามาก ๆ ได้ เพราะมีข้อจำกัดในข้อที่ว่า บล็อกที่ใช้ทำเป็นแม่พิมพ์สำหรับภาพสกรีนนั้น จะไม่สามารถทำโดยใช้สกรีนที่มีความละเกินกว่า 133 เส้น / นิ้ว ได้ ( ระบบออฟเซตสามารถทำได้กว่า 175 เส้น / นิ้ว ) เพราะถ้าเกินกว่านี้เม็ดสกรีนบนบล็อก จะมีขนาดเล็กมากเกินไป จนน้ำกรดที่ใช้กัดบล็อกไปกัดเม็ดสกรีนเหล่านี้ออกหมด
ในปัจจุบันค่าทำบล็อกจะคิดเป็นตารางนิ้ว ตารางนิ้วละประมาณ 4 - 5 บาท ฉะนั้น หากพิมพ์ภาพมาก ๆ ค่าบล็อก ที่ใช้จะสูงมาก ฉะนั้น โดยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น สิ่งพิมพ์ที่ควรพิมพ์ด้วยระบบ เลตเตอร์เพรสจึงควรมีลักษณะดังนี้
มีจำนวนพิมพ์ไม่เกิน 2,000 – 3,000 ชุด
ไม่ต้องการคุณภาพสูงมาก หรือไม่ต้องการรายละเอียดของภาพมาก
มีภาพประกอบหรือตารางที่ต้องใช้แม่พิมพ์ที่เป็นบล็อกไม่มาก
ไม่เป็นงานพิมพ์หลายสี สี่สี หรือสอดสี เพราะจะเสียเวลาในการดำเนินการพิมพ์มาก และผลงานที่ออกมาก็ไม่สวยงาม
ต้องมีเวลาให้นานพอสมควร ถ้าเป็นงานพิมพ์ประเภทหนังสือที่มีความหนามาก ๆ เพราะต้องใช้เวลาในการเรียงพิมพ์
มีงบประมาณในการพิมพ์จำกัด
 12.เครื่องพิมพ์แบบอิงค์เจ็ตและแบบเลเซอร์ แตกต่างกันอย่างไรบ้าง จงอธิบาย
ตอบ. เครื่องพิมแบบอิงค์เจ็ตอาศัยหลักการพิมพ์โดยใช้หมึกพ่นลงไปบนกระดาษ เหมาะกับงานพิมพ์เอก-
สารที่ต้องการความสวยงาม ส่วนเครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์ราคาแพงกว่า เนื่องจากให้ความคมชัดได้
ดีหลักกการทำงานจะอาศัยแสงเลเซอร์ยิงลงไปบนกระดาษ คล้ายกับการทำงานของเครื่องถ่าย-
เอกสาร แต่มีข้อเสียคือไม่สามารถพิมพ์เอกสารที่เป็นแบบสำเนาได้




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น